บทบาทของ Product Manager ในองค์กรที่ทรัพยากรจำกัด

ในโลกของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตำแหน่ง “Product Manager” (PM) มักถูกเข้าใจว่าเป็นบทบาทที่มีขอบเขตชัดเจนตามคำบรรยายลักษณะงาน หรือ job description แต่ในความเป็นจริง โดยเฉพาะในองค์กรขนาดเล็กหรือทีมที่มีทรัพยากรจำกัด คำว่า “Product Manager” อาจหมายถึง “ทุกอย่างที่ไม่มีใครรับผิดชอบ” PM จึงต้องกลายเป็นผู้ที่มีความสามารถในการปรับตัวสูง เพื่อรับมือกับความท้าทายและผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ก้าวหน้าต่อไปได้

ภาพลวงตาของบทบาทที่ชัดเจน?

เรามักเห็นแผนภาพในตำราหรือการอบรมที่กำหนดขอบเขตของ PM อย่างเป็นระเบียบ เส้นแบ่งที่ชัดเจนแยกบทบาทของ PM ออกจากตำแหน่งอื่น เช่น UX Designer, Project Manager หรือ Business Analyst ราวกับว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบตามทฤษฎี

แต่ในความเป็นจริงของการสร้างผลิตภัณฑ์ เส้นแบ่งเหล่านี้กลับเลือนลางและทับซ้อนกันอย่างรวดเร็ว เมื่อ “ทีมขาดแคลนทรัพยากรหรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ PM มักกลายเป็นผู้ที่ต้องเข้ามาเติมเต็มช่องว่างนั้น”

ทักษะที่ขาดไม่ได้ในสภาพแวดล้อมที่ทรัพยากรจำกัด

ในทีมที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากร PM จำเป็นต้องมีทักษะที่หลากหลายเกินกว่าที่ระบุในคำบรรยายลักษณะงานทั่วไป ทักษะเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้งานสำเร็จ แต่ยังเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ด้วย

  • การหาทางออกอย่างสร้างสรรค์: เมื่อไม่มีงบประมาณหรือกำลังคนเพียงพอ PM ต้องหาวิธีแก้ปัญหาด้วยความคิดสร้างสรรค์ เช่น การใช้เครื่องมือที่เข้าถึงได้ง่ายแทนการลงทุนในโซลูชันราคาแพง
  • การตัดสินใจที่เหมาะสม: PM ต้องรู้ว่าเมื่อใดควรลงมือทำเอง เช่น การร่างโครงงานพื้นฐานสำหรับทีมพัฒนา หรือเมื่อใดควรหาเครื่องมือหรือผู้เชี่ยวชาญมาช่วย
  • ความยืดหยุ่นและไม่ยอมแพ้: อุปสรรคอย่างการเปลี่ยนแปลงกะทันหันหรือการขาดแคลนทรัพยากรเป็นเรื่องปกติ PM ต้องมีความแข็งแกร่งที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้โดยไม่ยอมให้งานหยุดชะงัก
  • การผลักดันโมเมนตัม: ในช่วงที่ทุกอย่างดูเหมือนช้าลง PM ต้องเป็นแรงขับเคลื่อนที่รักษาความคืบหน้าของทีมไว้

เมื่อ PM ต้องรับบทบาทที่ไม่คาดคิด

ในหลายสถานการณ์ PM ต้องรับหน้าที่นอกเหนือจากความรับผิดชอบหลัก เช่น การทำหน้าที่ UX Designer โดยการออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้เบื้องต้น การวิเคราะห์ข้อมูลในฐานะ Data Analyst หรือแม้แต่การจัดการตารางงานเหมือน Project Manager ไม่ใช่เพราะนี่คือหน้าที่ตามกำหนด แต่เพราะผลิตภัณฑ์จะไม่สามารถเดินหน้าต่อได้หากไม่มีใครทำสิ่งเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ในทีมที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง PM อาจต้องลงมือทำเองเพื่อให้งานเริ่มต้นได้ทันที

บททดสอบที่วัดความเป็น PM ตัวจริง

ความแตกต่างระหว่าง PM ตามคู่มือกับ PM ในชีวิตจริงอยู่ที่การตอบ ตัวอย่างง่ายๆ เลย จากคำถาม: “คุณจะทำอย่างไรถ้าทีมไม่มีคนทำสิ่งนี้?”

หากไม่มีนักการตลาด → PM ต้องทดลองลงโฆษณา Facebook เอง?

หากขาด Data Engineer → PM ใช้เครื่องมือ No-code สร้าง Dashboard เบื้องต้น?

หากไม่มี Project Manager → PM ไล่ตารางงานในกระดาน หรือ Project management tools ต่างๆ ได้ และประชุมทีมวันละ 10 นาที? เป็นต้น

บทสรุป = “PM ที่ดีคือผู้แก้ปัญหาที่ไม่ยอมหยุด”

PM ที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่แค่ผู้ที่มีทักษะตามที่ระบุใน job description แต่เป็นผู้ที่ไม่ยอมให้ข้อจำกัดหรือคำว่า “นั่นไม่ใช่งานของฉัน” มาขัดขวางความก้าวหน้าของผลิตภัณฑ์ พวกเขาเป็นนักแก้ปัญหาที่มุ่งมั่นและพร้อมปรับตัวในทุกสถานการณ์ ความยืดหยุ่นและความมุ่งมั่นนี้เองที่ทำให้ PM กลายเป็นหัวใจสำคัญของทีม โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ทรัพยากรมีจำกัด

“ในวันที่ทรัพยากรไม่พร้อม สิ่งที่คุณยอมทำเพื่อให้งานสำเร็จคืออะไร? เพราะเมื่อความสำเร็จ คือการลงมือทำ โดยปราศจากข้ออ้าง”

#วันละเรื่องสองเรื่อง

Free

Distraction-free reading. No ads.

Organize your knowledge with lists and highlights.

Tell your story. Find your audience.

Membership

Read member-only stories

Support writers you read most

Earn money for your writing

Listen to audio narrations

Read offline with the Medium app

--

--

"วันละเรื่องสองเรื่อง" (Two Stories a Day)
"วันละเรื่องสองเรื่อง" (Two Stories a Day)

Written by "วันละเรื่องสองเรื่อง" (Two Stories a Day)

My mission is to create impactful products that address real-world problems and enhance people’s lives.

No responses yet

Write a response